9 วิธีแก้ปัญหายอดขายตก เรื่องง่ายๆ ที่คุณอาจไม่รู้

    โลกหมุนไปไวเหลือเกิน การค้าขายในปัจจุบันก็ต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์ ดังนั้นจะไม่แปลกเลยที่มีร้านค้าที่ยอดขายขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือมีร้านค้าที่เปิดใหม่ตลอดเวลา แต่ในทางกลับกันก็มีร้านค้าหลายร้านจะยอดขายตก หรือยอดขายไม่เพิ่ม ปกติขายของได้เยอะ ก็ขายของได้น้อยลง ขายของไม่ออก บางร้านถึงขั้นปิดตัวลงเลย
    คุณจะยอมเป็น 1 ในผู้ที่ยอดขายตกหรือไม่ คำตอบร้อยทั้งร้อยต้องตอบว่า ไม่! คุณมาถูกทางแล้ว อย่ายอมแพ้ที่จะให้ยอดขายตก คุณต้องไปต่อ โดยสามารถเริ่มต้นด้วยวิธีการเพียง 2 ขั้นตอนดังต่อไปนี้

ขั้นตอนที่ 1 : ชี้ให้ชัดว่าเป็นเพราะปัจจัยภายในหรือปัจจัยภายนอก


ปัจจัยภายใน (Internal Factor) และปัจจัยภายนอก (External Factor) เป็นสิ่งแวดล้อมทางการตลาดและเป็นตัวตัดสินเลยว่าเราจะไปต่อหรือพอแค่นี้

ปัจจัยภายใน (Internal Factor) คือ ปัจจัยภายในกิจการที่สามารถควบคุมได้ เช่น สินค้าที่ขายชำรุด, ราคาต้นทุน, พนักงานขาย, การแบ่งกำไรระหว่างผู้ถือหุ้น, การจัดการช่องทางการขายออนไลน์, การทำโปรโมชั่น เป็นต้น
ตรวจสอบให้แน่ชัดว่าคุณมีปัญหาด้านปัจจัยภายในหรือไม่? ถ้าหากมีปัญหา คุณสามารถแก้ไขได้ง่ายกว่าปัจจัยภายนอก

ปัจจัยภายนอก (External Factor) คือ ปัจจัยที่กิจการไม่สามารถควบคุมได้ สามารถตรวจสอบง่าย ๆ ก็คือ คู่แข่งคุณก็เจอปัญหานี้ใช่หรือไม่? เช่น ภาวะโควิด, การเมือง, เศรษฐกิจ, สินค้าตกเทรนด์, ระบบการเก็บเงินของธนาคาร, ระบบขนส่ง เป็นต้น


ขั้นตอนที่ 2 : วิธีแก้ไขยอดขายตก

1. อย่าแพนิค ใจเย็น ๆ และเริ่มเปิดสมุด


    การที่ยอดขายตกแล้วกังวลใจนั้นไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ดังนั้นก่อนอื่นต้องรวบรวมสติ และนำข้อมูลทั้งหมดมาอยู่ในสมุดหรือ iPad ก่อน คุณต้องรวบรวมข้อมูล และข้อกังวลทั้งหมดที่คุณคิดออกเกี่ยวกับยอดขายตกมาไว้ในสมุด โดยมีวิธีการจดได้หลายแบบตัวอย่างตามภาพ

content book

2.มีถาม feedback


    สอบถาม Feedback จากลูกค้า โดยสอบถามได้ทั้งทางการโทร มาแชท และถามตรง ๆ ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น บางคำแนะนำของลูกค้าอาจจะมีประโยชน์ถึงขั้นพลิกเกมได้เลย

3. ส่อง Trend สินค้าขายดี


    สินค้าตามเทรนด์นั้นย่อมมาเร็วไปเร็ว คุณตรวจสอบก่อนว่าสินค้าของเราเป็นสินค้าตามเทรนด์หรือไม่ ถ้าคุณกำลังขายสินค้าตกเทรนด์อยู่ คุณต้องเปลี่ยนสินค้าแล้วล่ะ

4. ปล่อยวางสินค้าลูกรักของเราแต่ตอนนี้ขายไม่ออกแล้ว


พ่อค้าแม่ค้าอย่างเราต้องมีแหละ ขายสินค้าหลายสิบอย่าง แต่มีสินค้าอยู่สักชิ้นสองชิ้นที่ชอบขายมาก แต่ถ้าสินค้านั้นไม่ได้เป็นที่ต้องการของลูกค้าของเราอีกต่อไปแล้ว คุณก็ต้องปล่อยวาง เพราะสินค้าที่ขายไม่ออกจะค้างในสต็อกของเราไปอีกนาน และเสียโอกาสขายสินค้าอย่างอื่น

5. สำรวจตลาดหาช่องทางใหม่ ๆ


    Social Media และ E-commerce เกิดขึ้นมาเสมอ ในรอบ 10 ปีนี้ก็ขึ้นมาหลายสิบช่องทาง ดังนั้นคุณต้องลองเอาสินค้าไปขายในช่องทางใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มยอดขายให้เติบโตขึ้น
คุณสามารถดูช่องทางการขายได้ที่ : 3 ประเภทการขายออนไลน์ที่ควรรู้ ก่อนทำธุรกิจออนไลน์ในปี 2021 

6. เก็บข้อมูลลูกค้าไว้เรียกเค้ากลับมา


    เป็นส่วนหนึ่งของการทำ CRM (Customer Relationship Management) คือคุณลงทุนเก็บข้อมูลลูกค้าทั้งลูกค้าเก่า ลูกค้าใหม่ จากนั้นคุณจะแบ่งประเภทลูกค้าได้ ว่าส่วนใหญ่คนที่มาซื้อของคุณเค้ามีลักษณะเป็นคนแบบไหน เพศอะไร อายุเท่าไหร่ มาประจำแค่ไหน

7. สร้างความโดดเด่นด้าน Branding


    การสร้าง Brand นั้นสำคัญ เพราะถ้าภาพลักษณ์ของคุณดีแล้ว คุณไปต่อได้อย่างง่ายเลย ไม่ว่าคุณจะออกผลิตภัณฑ์ใหม่หรือไปขายในช่องทางใด คนก็จะตามไปซื้อทุกที่

8. ขายสินค้าที่คนซื้อเยอะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน


    สินค้าเหล่านี้สามารถดูได้จากหน้าแรกของช่องทาง E-Commerce เช่น หน้า Home ของ Shopee ขึ้นสินค้าอะไรบ้าง และตรวจสอบดูว่าสินค้าของคุณอยู่ในนั้นบ้างไหม ถ้าไม่มีอยู่ก็แสดงว่านี่อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ยอดขายตกก็เป็นได้ เพราะสินค้าไม่เป็นที่ต้องการของตลาดนั่นเอง

9. ปรับ Mindset ใหม่เรื่องการทำ Promotion


    ลด แลก แจก แถมไม่ใช่ทางออกเสมอไป เพราะใคร ๆ ก็ลดราคาได้ แถมยังเจอแบบนี้ บางทีร้านค้าแข่งกันลด จนเจ็บเนื้อตัวเอง ลดจนแทบไม่เหลือต้นทุน เกิดสงครามราคาไปอีก (Price war) ทางที่ดีในการทำโปรโมชั่นของปี 2021 คือการทำการตลาดรู้ใจ (Personalized Marketing) ก็คือการทำการตลาดแบบมอบของรางวัลให้กับลูกค้าอย่างถูกกลุ่ม ตรงความต้องการ เช่น ลูกค้าที่มาทีไรก็ซื้อแต่สบู่ก้อน ก็ควรได้รับ Promotion สบู่ก่อน 1 แถม 1 ไม่ใช่ Promotion ลด 10% เมื่อซื้อครีมทาผิวแก้รอยดำจากสิว เป็นต้น


Author : Pajaree Kanmaneelert