รู้จักกับความต่างของแต่ละ Data
เพราะแต่ละ Data ทั้ง Zero Party Data, First Party Data, Second Party Data และ Third Party Data นั้นมีความแตกต่างกัน แล้วถ้าคุณอยากที่จะใช้ Data ในการทำการตลาดของตัวเองได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ก่อนอื่นเลยคือต้องเข้าใจก่อนว่าแต่ละ Data นั้นเป็นอย่างไร สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของเรายังไงได้บ้าง ซึ่งครั้งนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับความต่างของแต่ละ Data กัน
Zero Party Data
เริ่มจาก Zero Party Data เป็นข้อมูลที่ลูกค้าแสดงเจตนาในการแจ้งข้อมูลความสนใจสิ่งต่างๆ กับเราโดยตรงซึ่งเป็นการยินยอมจากการที่เราแจ้งกับลูกค้าอย่างจริงใจถึง Benefit ต่าง ๆ ที่ลูกค้าจะได้ผลประโยชน์เป็นการแลกเปลี่ยนโดยการจัดเก็บ Zero Party Data ด้วยการใช้ Mechanic หรือ Tool ?สามารถทำผ่านช่องทางดิจิตอลต่าง ๆ ได้แก่ การทำโพลให้ลูกค้าโหวต เช่น การสุ่มแสดงภาพอาหารประเภทต่าง ๆ ขึ้นมา เพื่อให้ลูกค้ากดชอบ หรือไม่ชอบ การทำควิซ หาว่าลูกค้าสนใจสินค้าในหมวดหมู่ไหน และการทำแบบสอบถามเพื่อชิงรางวัลต่าง ๆ
First-Party Data
สำหรับ First Party Data ถ้าจะอธิบายกันแบบเร็ว ๆ คือข้อมูลที่องค์กร ธุรกิจ หรือคนใช้ข้อมูลเป็นเจ้าของเอง ซึ่งอาจจะเป็นข้อมูลจาก CRM ขององค์กรอย่างชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และข้อมูลที่เก็บมาจากช่องทางต่าง ๆ เช่น คนเข้าเว็บไซต์ หรือคนที่ใช้แอพพลิเคชั่น ตัว First Party Data เลยจะมีข้อมูลที่ธุรกิจสามารถหยิบมาใช้ได้ เพราะส่วนใหญ่ก็คือข้อมูลของคนที่เข้ามามีปฎิสัมพันธ์กับธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เป็นลูกค้า คนที่กำลังสนใจ หรือคนที่เริ่มรู้จักสินค้าแล้ว นั่นจึงทำให้หลายธุรกิจนำข้อมูลเหล่านี้ไปพัฒนาต่อ เช่นการทำ Personalization หรือการทำคอนเทนท์ที่เจาะจงกลุ่มเป้าหมาย ตลอดจนนำมาวิเคราะห์ว่ากลุ่มเหล่านี้มีพฤติกรรมแบบไหน กำลังส่งสัญญาณอะไรออกมาบ้าง
Second Party Data
มาต่อกันที่ Second Party Data สรุปง่าย ๆ มันก็คือ First Party Data ของเราแต่เป็นของคนอื่น ดังนั้นการที่เราจะเข้าถึง First Party Data ของคนอื่น หรือ Second Party Data ได้ ก็จะต้องไปขออนุญาต หรือทำการตกลงร่วมมือกันในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันก่อน การใช้ Second Party Data จึงเป็นการช่วยขยายขอบเขตของธุรกิจได้มากขึ้น และทำให้เราเข้าใจ รู้ว่าจริง ๆ แล้วลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายกำลังทำอะไร คิดอะไร หรือกำลังสนใจอะไรอยู่
Third-Party Data
และ Third Party Data เป็นข้อมูลที่เกิดจากการเก็บ รวบรวมจากหลายช่องทางมาไว้ตรงกลาง เพื่อเอามาขายต่อให้เรานำไปใช้อีกต่อหนึ่ง ซึ่งข้อดีของ Third Party Data คือสเกลของข้อมูลขนาดใหญ่ มีการเก็บรวบรวมไว้ในเพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Audience Network/Ads Network ทำให้การใช้ Third Party Data สามารถเข้าถึงคนได้จำนวนมาก แต่ก็จะมีข้อจำกัดตรงที่มันเป็นการเก็บข้อมูลกว้าง ๆ เช่น Demographic Interest Location เป็นต้น อีกทั้ง Third Party Data เป็นข้อมูลที่มักเปิดให้ใครก็ได้สามารถเข้าไปใช้ได้ เลยเป็นข้อมูลที่ไม่ได้ทำให้เกิดความแตกต่างในเชิงธุรกิจมากนัก หากไม่ได้ใช้อย่างมีกลยุทธ์ หรือความแม่นยำที่เพียงพอ
ทั้งหมดนี้ก็คือความแตกต่างของแต่ละ Data ที่เราได้รวบรวมมา หวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน และสามารถนำไปปรับใช้ให้เข้ากับธุรกิจของตัวเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างจุดเเข็งให้ธุรกิจได้เปรียบมากกว่าเดิมกันเถอะ